ประเทศเพื่อนบ้านของจีนอีก ๒ ประเทศ ที่มีส่วนในการทำลายอิทธิพลของจีนในเอเชีย คือ รุสเซียและญี่ปุ่น สำหรับรุสเซียนั้นได้แผ่ขยายอาณาเขตของตนไปทางตะวันออก กลืนดินแดนผืนเล็กผืนน้อยไปจนกระทั่งจดทะเล รุสเซียได้ขยายอาณาเขตของตนมาปะทะกับจีนและหยุดชะงักด้วยสนธิสัญญา เนอร์ชิ่ง (Nerchinsk, 1689) กระนั้นก็ดีรัฐบาลแมนจูก็ปล่อยให้ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำมังกรดำ (หรือแม่น้ำอามูร์) เป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐ และมิได้บุกเบิกออกมาเพื่อเตรียมต้อนรับภัยคุกคามจากรุสเซีย ในปี ๑๘๔๗ รัฐบาลแห่งพระเจ้าซาร์มีความกระหายในการได้ดินแดนแถบนี้ของจีน โดยการขยายอิทธิพลในการปกครองคืบหน้าล่วงล้ำเข้าไปในเขตของจีนตามสนธิสัญญาเนอร์ชิ่ง พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่หนึ่ง ได้แต่งตั้งให้เคาท์ มูราเวียบ เป็นข้าหลวงใหญ่ประจำไซบีเรียตะวันออกโดยได้รับมอบหมายอำนาจพิเศษให้ทำการสำรวจดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำมังกรดำ รุสเซียมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการได้เมืองท่าออกทะเลทางตะวันออก ประจวบกับจีนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งภยันตรายอันเป็นผลจากการค้ากับชาวตะวันตก ในปี ๑๘๔๘ มูราเวียบได้ส่งกองทหารล่วงล้ำเขตแดนตามสนธิสัญญาเนอร์ชิ่งไปจนถึงแม่น้ำมังกรดำ ในปี ๑๘๕๓ ได้กลืนหมู่เกาะแซคาลินเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรุสเซีย รัฐบาลจีนมิได้สนใจในการล่วงล้ำดินแดนของรุสเซียแต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะต้องกังวลกับการคุกคามของชาวตะวันตก และในขณะเดียวกันต้องเคลื่อนทหารเพื่อทำการปราบปรามกบฏไถ้ผิง (ไต้เผ็ง) ในปี ๑๘๕๕ มูราเวียบเริ่มประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าดินแดนทั้งหมดทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำมังกรดำเป็นของรุสเซีย ในปี ๑๘๕๘ มูราเวียบสามารถบังคับให้จีนทำสนธิสัญญาไอกุน (Treaty of Aigun) ซึ่งตามสนธิสัญญานี้ รุสเซียไม่เพียงแต่จะได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำมังกรดำเท่านั้น แต่ยังได้สิทธิปกครองเหนือดินแดนชายทะเลตั้งแต่แม่น้ำยูสซูรี่ (Ussuri River) จนกระทั้งจดทะเลญี่ปุ่นด้วย
ในขณะเดียวกัน พระเจ้าซาร์ได้ส่งทูต พลเรือเอก ปูเตียติน (Admiral Putiatin) มาประจำอยู่ กรุงปักกิ่ง เพื่อสดับตรับฟังความเคลื่อนไหวในจีน และเรียกร้องผลประโยชน์ให้ทัดเทียมกับอังกฤษในกรณีที่อังกฤษได้สิทธิเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นรุสเซียยังต้องการตกลงปัญหาดินแดนแถบแม่น้ำมังกรดำ รุสเซียได้เข้าร่วมเป็นคู่สนธิสัญญาเทียบสิน แต่ปูเตียตินไม่สามารถตกลงปัญหาชายแดนกับจีนได้ ในกลางปี ๑๘๕๙ รุสเซียส่งนายพลอกนาเทียบ (General Ignatiev) มายังกรุงปักกิ่งเพื่อแลกเปลี่ยนเอกสารสนธิสัญญาเทียนสิน และเจรจาปัญหาดินแดนชายทะเลต่อ โชคเป็นของอิกนาเทียบ เมื่ออังกฤษได้ส่งกองทหารเข้ายึดกรุงปักกิ่งในปี ๑๘๖๐ อิกนาเทียบตั้งตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย และได้ค่าตอบแทน คือ ดินแดน ๓๕๐,๐๐๐ ตารางไมล์เปลี่ยนมาอยู่ใต้ร่มธงของรุสเซีย ต่อแต่นั้นไปรุสเซียเปลี่ยนทิศทางความสนใจมาอยู่แถบดินแดนเอเชียตอนกลางของจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซินเกียง เริ่มตั้งแต่ปี ๑๘๕๑ รุสเซียได้สิทธิในทางการค้าที่เมืองดุลดยุ (อีลี) และตาบากาไตตามข้อตกลงดุลดยะ การที่รุสเซียได้แผ่ขยายอิทธิพลของตนไปในดินแดนตอนกลางของเอเชียนี้ ได้ก่อความตื่นตระหนกให้แก่อังกฤษเป็นอย่างยิ่ง อังกฤษไดเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลจากอินเดียเข้าไปในทิเบต ความกินแหนงแคลงใจระหว่างมหาอำนาจล่าอาณานิคมทั้ง ๒ ก็ได้ก่อความตึงเครียดยิ่งขึ้นตามลำดับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น