ความเป็นผู้มีอุดมการณ์ของซุน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่เคารพสักการะของชาวจีน ผิดกับผู้ร่วมก่อการปฏิวัติคนอื่นๆ เป็นส่วนมาก ซุนเป็นนักก่อการปฏิวัติที่มีอุดมการณ์เป็นของตนเอง เช่นเดียวกับฟรังโก้ ฮิตเลอร์ เลนิน และเมาเซตุง (ที่ถูกอ่อนเหมาเจ้อตุง) ในสมัยหลัง เขาเป็นนักผสม “ของดี”ที่มีอยู่ในโลก”ของดี” ที่เป็นของจีนเอง โดยไม่รังเกียจว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ขึ้นโดยนักประชาธิปไตยตะวันตก จากคอมมิวนิสต์โซเวียตหรือจากปรัชญาลัทธิขงจื้อซึ่งเขาถือว่าเป็นศัตรูที่สำคัญต่อความเจริญของจีน แม้ว่าเขาจะได้ประสบความล้มเหลวตลอดมาในชั่วชีวิตแห่งการปฏิวัติ แต่เขาก็ยังไม่วายสร้างภาพความรุ่งเรืองของจีนในอนาคต เขาปรารถนาที่จะเปลี่ยนประเทศจีนที่หุ้มเกาะด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ อันเก่าแก่คร่ำครึ ให้เป็นประเทศจีนในสมัยที่เต็มไปด้วยความเป็นธรรมและความมั่งคั่งภายในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากคำสอนของเขาในส่วนที่เกี่ยวกับหลัดการปฏิวัติและองค์การที่ใช้อำนาจอธิปไตยของรัฐบาล มีลักษณะพิสดารไปจากนักการเมืองอื่น ๆ เท่าที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ เขาจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สถาปนาลัทธิซุนยัดเซ็น(Sun Yat - senism) ขึ้น
ลัทธิซุนยัดเซ็นซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดก็คือ ลัทธิไตรราษฎร์ หรือ ซันหมินจู่อี้
( The Three Principles of the people) อันได้แก่เอกราชแห่งชาติ (หมินจู่) อำนาจอธิปไตยของประชาชน (หมินฉวน) และความยุติธรรมในการครองชีพ (หมินเซิง) ภาษาอังกฤษนิยมแปลเป็นหรือ socialism ภาษาไทยนิยมแปลกันเป็นลัทธิชาตินิยม ลัทธิประชาธิปไตย และลัทธิสังคมนิยม ซึ่งไม่รู้จะตรงความหมายที่แท้จริง
คำสอนเกี่ยวกับลัทธิไตรราษฎร์แต่ดังเดิมที่ประกาศในปี ๑๙๐๕ นั้นเป็นเรื่องเข้าใจง่ายชาวจีนเป็นเจ้าของประเทศ มิใช่แมนยูที่ด้อยอารยธรรม ฉะนั้น หมินจู่คือการร่วมมือระหว่างชาวจีนโดยลุกขึ้นมาแอกความเป็นทาสจากกาสรปกครองของราชสลวงศ์แมนจู เมื่อโค่นราชวงศ์แมนจูได้แล้ว มิให้ผู้ใดมีอำนาจดังจักรพรรดิดังแต่ก่อนซึ่งถือเอาอำนาจอธิปไตยไปใช้แต่ผู้เดียว นั่นคือ หมินฉวน ฉะนั้นการปกครองในระบอบสาธารณรัฐ ระบอบประชาธิปไตยและนั่นคือการมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ตามแบบฉบับของประเทศอารยตะวันตก ซุนได้รับความลำบากเล็กน้อย เพราะซุนมีความคิดไปในทางสังคมนิยมซึ่งผิดไปจากสังคมนิยมตะวันตก สังคมที่มีกสิกรเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ทำให้ซุนคิดไปถึงการจัดสรรที่ดินไปในแนวเดียวกับการจัดสรรที่ดินตามระบบบ่อนา และระบบน่าเฉลี่ยที่ได้ปฏิบัติมาในสมัยโบราณของจีน การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ความยุ่งเหยิงอันสืบเนื่องมาจากกรรมกรนัดหยุดงานในประเทศอุตสาหกรรม และการก่อรูปของลัทธิสังคมนิยมในยุโรป เป็นเครื่องกระตุ่นให้ซุนเกิดความเป็นห่วงในอนาคตของจีน ในคำขวัญของสมาคมถุงเหมิงปี ๑๙๐๕ กล่าวว่า “ผู้ที่บังอาจผู้ขาดควบคุมการครองชีพของประชาชนจะต้องถูกกำจัดออกไปจากสังคม”
ลัทธิไตรราษฎร์ ฉบับที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงของซุนนั้นรวบรวมอยู่ในคำสอน ๑๖ ตอนของเขา ซึ่งได้บรรยายเผยแพร่ในปี ๑๙๒๔ ภายหลังที่ซุนยัดเซ็นถูกเฉินชุ่งหมิงขับไล่ออกจากเมืองกวางตุ้งนั้น เป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตของกาสรปฏิวัติของซุน ประกอบกับความสำเร็จของกาสรปฏิวัติรุสเซีย และขบวนการเคลื่อนไหวอันทรงพลังของกลุ่มปัญญาชนได้สร้างความหวังอันใหม่ให้แก่ซุน ในฐานะที่เป็นคนคงแก่เรียน ซุนมีความคิดเป็นอันมากไปในแนวเดียวกับของพวกปัญญาชนเช่นเดียวกับพวกปัญญาชนส่วนมาในขณะนั้น เขาแอนตี้มหาอำนาจจักรวรรดินิยม ญี่ปุ่นและอังกฤษยังคงช่วยเหลือรัฐบาลปักกิ่ง ปี ๑๙๒๑ – ๑๙๒๒ เป็นปีที่หลักการลัทธิไตรราษฎร์กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง ปี ๑๙๒๓ ลัทธิไตรราษฎร์ของซุนเกี่ยวโยงกับลัทธิมาร์กซ์และเลนิน อันมีแถลงการณ์ร่วมระหว่างซุนกับจอฟเฟเป็นเครื่องแสดง ในที่สุดคำขวัญของที่ประชุมใหญ่ครั้งที่หนึ่งของก๊กมินตั๋ง ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๑๙๒๔ และคำบรรยายหลักการลัทธิไตรราษฎร์อันต่อเนื่องกันในปีนั้น เพิ่มความสมบูรณ์ของการเปลี่ยนแปลงยิ่งขึ้น
๑.ลัทธิความเป็นเอกราชของชาติ ความคิดนี้ได้รับการขยายความใหม่ในปี ๑๙๒๔ การโค่นล้มราชวงศ์แมนจูได้สำเร็จแล้ว แต่มหาอำนาจจักรวรรดินิยมยังคงถือเป็นขวักไขว่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ผืนแผ่นดินของจีนหาใช่เป็นลัทธิขิงชาวจีนไม่ ซุนได้เพิ่มเอาคำโฆษณาต่อต้านจักรวรรดินิยมมาสอดแทรกหลักการปกครองตนเองที่ควรจะได้แก่ชนกลุ่มน้อยภายในประเทศจีน (ประเทศจีนประกอบด้วยเชื้อชาติกลุ่มใหญ่ ๘ เผ่า คือ ฮั่น แมนจู มองโกล ทิเบต มอสเล็ม เหมียว(แม้ว) เหยา(เย้า) หลี ) หลักการนี้จะได้รับความสำเร็จต่อเมื่อได้มีการปฏิวัติต่อต้านการควบคุมของจักรวรรดินิยม รวมทั้งชาวจีนเองที่สมรู้น่วมคิดกับจักรวรรดินิยม หน้าที่ของชาวจีนตามความหวังของซุนนั้น รวมถึงการช่วยเหลือปลดแอกลัทธิจักรวรรดินิยมให้แก่ประชาชาติ นั่นก็คือ เขาได้ขยายขอบเขตของการปฏิวัติจากภายในประเทศเป็นการปฏิวัติสังคมทั่วไปแห่งโลกด้วย จีนควรให้ความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการให้ความช่วยเหลือแก่ชาวเอเชียเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดินิยมฝรั่ง ในขณะเดียวกันจีนควรให้ความร่วมมือกับโซเวียตในการต่อต้านชนชั้นขูดรีด ไม่เลือกว่าผู้นั้นจะมีกำเนิดมาจากแหล่งใด
ในปัญญาชนกลุ่มน้อยนั้น ความคิดของซุนไม่แตกต่างไปจากความคิดของเหล่าจารีดนิยมที่ได้รับอิทธิพลของลัทธิขงจื้อเท่าไรนัก ในขณะที่เขาประกาศสนับสนุนหลักการปกครองตนเองให้แก่ชนกลุ่มน้อย เขากล่าวว่า กาสรกลืนเชื้อชาติ (national assimilation) นั้นไม่ขัดกับหลักความเป็นเอกราชแห่งชาติ นั้นก็เท่ากับว่า ถ้าหากชาวจีนสามารถกลืนชนกลุ่มน้อยโดยวิธีการซึมซาบแล้ว ชนกลุ่มน้อยก็ไม่จำเป็นต้องแสวงหาหลักการปกครองของตนเอง คำสอนนี้เตือนให้คิดถึงหลักการความเป็นพี่น้องและเพื่อนกันในระหว่างชนชาวจีน (ต้าถุง Great Commonwealth ) ซึ่งไม่มีการขีดเส้นแบ่งเชื้อชาติแต่ประการใด
๒. ลัทธิอำนาจอธิปไตยของประชาชน เช่นเดียวกับกาสรปฏิวัติในประเทศต่าง ๆ ผู้ก่อการปฏิวัติมักจะหวงแหนอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศไว้เป็นการชั่วคราว โดยเหตุผลโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะแตกต่างกันไป คอมมิวนิสต์ประกาศว่าระบอบของตนเองระบอบที่ประชาชนมีความเท่าเทียมกันมากที่สุดแต่ลัทธิในการใช้อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศแทนชนชั้นการมชีพนั้น ได้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ ซุนยอมรับความไม่เท่าเทียมกันโดยธรรมชาติขิงมนุษย์ โดยแบ่งความสามารถของมนุษย์ออกเป็น 3 ขั้น (เผด็จการทหาร การปกครองโดยพรรคการเมือง และการปกครองโดยรัฐธรรมนูญ) กำหนดอำนาจหน้าที่ของกลุ่มชนที่จะใช้อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศแทนประชาชน การมอบอำนาจเช่นนั้นเป็นการชั่วคราว ดังนั้นจึงไม่ขัดต่อหลักการอำนาจอธิปไตยของประชาชน
รัฐบาลในอุดมการณ์ของซุน จะต้องเป็นรัฐที่แบ่งแยกองค์การที่ใช้อำนาจอธิปไตยออกเป็น ๕ สาขา คือนอกจากมีอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ตามคะสอนของมองเตสกิเออ(Monteaguieu) แล้ว เขายังมีกำหนดอำนาจควบคุมและอำนาจการสอบไล่เข้าไปอีกด้วย รัฐบาลที่แยกผู้ใช้อำนาจอธิปไตยออกเป็น ๕ สาขานั้น จะต้องมีหน้าที่มากที่สุดและได้รับการไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้เพราะรัฐบาลมีความสามารถ(เหนิง) เปรียบเสมือนสารถีขับรถ ย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญสมควรแก่ผู้โดยสารจะได้ให้ความไว้วางใจ ในขณะเดียวกันประชาชนจะต้องมีอำนาจนี้มากที่สุด การเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประชาชนอาจแสดงออกได้ ๔ ทาง อำนาจการออกเสียงเลือกตั้ง (Election) อำนาจถอดถอน (Recall) และอำนาจการลงประชามติ(Referendum) ในขณะที่รัฐบาลมีความสามารถ (เหนิง) ประชาชนมีอำนาจ(ฉวน) ทฤษฎีของซุนคือการ”ทำรัฐบาลให้เป็นเครื่องจักรกลและประชาชนเป็นวิศวกร” นั่นก็คือ “ประชาชน ๔๐๐ ล้านคนล้วนแต่เป็นกษัตริย์”จะเห็นได้ว่าความคิดเกี่ยวกับรัฐในอุดมการณ์ของซุนอาจสืบสานที่มาจาก ๔ แห่ง รัฐบาลในระบอบสาธารณรัฐตามความคิดการเมืองตะวันตก ลัทธิ ๔ ประการ และหลักปฏิบัติดังเดิมเกี่ยวกับลัทธิการสอบแข่งขัน และอำนาจการตรวจตราควบคุมของจีน
๓. ลัทธิความยุติธรรมในการครองชีพ (หมินเซิง) เป็นหลักการที่เข้าใจยากที่สุดของ
ลัทธิไตรราษฎร์ นักการเมืองตะวันตกพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่เข้าใจบ้าง คลุมเครือบ้าง ทั้งนี้เพราะพวกนี้มักจะตั้งคำถามแก่ตนเองก่อนว่า ซุนเป็นคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยมหรือจัดอยู่ในค่ายประชาธิปไตย แล้วแกะความคิดของเขาไปเข้าสูตรลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ผลก็คือความสับสน เพรุนสร้างสูตรผสมขึ้นเป็นของตนเอง โดยอาศัยความรู้ภายในและภายนอกประเทศ ฉะนั้นความรู้บางตอนของเขาอาจเข้าข้างประชาธิปไตยตามฝ่ายเจียงไคเช็คและพรรคพวกของเขาแอบอ้าง และคำสอนบางตอนก็เข้าข้างหลักคอมมิวนิสต์ตามฝ่ายเมาเซตุงและพรรคพวกอ้างเช่นเดียวกัน
คำสอนในเล่มนี้มิได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก ข้อเสนออันชัดแจ้งของเขาก็คือการจัดสรร
ที่ดิน ซึ่งมีปรากฏอยู่ในคำขวัญของสมาคมถุงเหมิงหุ้ยแล้วตั้งแต่ปี ๑๙๐๕ แต่ที่เขาขยายให้กระจ่างขึ้นก็คือการจัดระบบการลงทุน ซึ่งเป็นการเพ่งเล็งถึงระบอบอุตสาหกรรม ในการที่จะบรรลุผลตามความมุ่งหมายในเรื่องการจัดสรรที่ดินนั้น เขาเสนอว่า คุณค่าของที่ดินอันเพิ่มขึ้นเองนั้นให้ตกเป็นประโยชน์ของรัฐ และการที่จะบรรลุตามความมุ่งหมายในการจัดระบบเรื่องการลงทุนนั้น เขาเสนอให้รัฐเข้าดำเนินการอุตสาหกรรมและอุคสา หกิจที่สำคัญ ๆ เสียเอง เมื่อมีคนถามถึงปัญหาหลักความยุติธรรมในการครองชีพของเขา เขายิ่งสร้างความสับสนให้แก่ผู้ฟังโดยตอบว่า “ มันเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์และมันเป็นลัทธิสังคมนิยม”
ซุนไม่ห่วงใยคำสอนของเขาจะเอามาจากหรือตรงกับลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือลัทธิฟาสซิสม์ หรือลัทธิอื่นใดในโลกนี้ ปัญหาที่เขาว่าเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่นั้น ได้พิจารณามาแล้วในบทที่แล้ว การเพิ่มคำโฆษณาต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของเขา นับว่าเป็นกำลังอันมหาศาลองเขาที่สามารถกำจัดศัตรู และในที่สุดจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคการเมืองตามสูตรข้อ ๒ ของขบวนการปฏิวัติที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น