ขบวนการปฏิรูปนั้นอาจแบ่งได้เป็น สามระลอก ระลอกแรกนำโดย คังอิ่วหวุย ภายใต้ความอุปถัมภ์ของจักรพรรดิหนุ่ม กวางซวี่ ผู้ซึ่งพยายามจะปลดแอกจากการบงการของพระราชชนนี ฉือซี เพื่อกอบกู้ประเทศของตน ในปี ๑๘๙๘ คังอิ่วหวุยได้สามารถชักจูงกให้จักรพรรคิด กวาง ซวี่ ออกพระบรมราชโองการเกี่ยวกับการปฏิรูปในทางการบริหารและการศึกษามากมาย การปฏิรูปภายใต้การนำของคังได้ดำเนินการคึกคักไปได้ ๓ เดือนเศษ ก็ต้องถูกพวกถอยหลังเข้าคลองทำลายโครงการตามพระบรมราชโองการนั้นหมดสิ้น การปฏิรูปนำโดยคังนี้ต่อมาได้รับขนานนามว่า “การปฏิรูปร้อยวัน” (Hundred days Reform)
การปฏิรูปตามแผนการของคังนั้นมีขอบเขตอย่างกว้างขวาง เริ่มตั้งแต่กลางปี ๑๘๙๘ คังและพรรคพวกได้เริ่มประกาศยกเลิกองค์การบริหารที่ไร้ประโยชน์เสียสิ้น กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดราชการทหารแห่งชาติได้รับการแก้ไขให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ระบบการสอบแข่งขันข้าราชการพลเรือนได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อให้ได้บุคคลที่มีความรู้ในด้านวิชาการสมัยใหม่เข้ารับราชการ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งราชมหาวิทยาลัย ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งจะให้มีการสอนศิลปะและวิชาการของฝ่ายตะวันตก นอกจากนั้น คังได้สนับสนุนการพัฒนาการค้า การอุตสาหกรรม การคมนาคม และกระชับสัมพันธ์ทางการทูตกับต่างประเทศให้ดีขึ้น พิจารณาดูตามแผนการแล้วก็เหมาะสมกับเหตุการณ์อยู่มาก ถ้าหากได้มีการปฏิบัติจริงจังจะสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของระบบการบริหาร และอาจจะเป็นการต่ออายุของราชวงศ์แมนจูต่อไปอีก แต่พวกถอยหลังเข้าคลองในพระราชสำนักแมนจู ภายใต้ปลายนิ้วมือของพระราชชนนี ฉือซี ได้เข้ายึดอำนาจ คนชั้นนำในการปฏิรูปหลายคนได้ถูกสังหาร คังอิ่วหวุยและเหลียงฉี่เชาได้หนีเอาชีวิตรอดไปอยู่ญี่ปุ่น จักรพรรดิ กวาง ซวี่ ถูกจับเข้าที่จำขัง หยุ่งลู่และหยวนซื่อไข่ ผู้มีความดีความชอบในการยึดอำนาจได้เป็นกำลังในรัฐบาลภายใต้ปลายนิ้วมือของพระราชชนนี ฉือซี อีกต่อไป
เมื่อพวกปฏิรูปถูกกำจัดไป และเมื่อกบฏมวย (Boxer Rebellion, 1900) ได้แสดงความบ้าบิ่นต่อชาวโลกจนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า จีนไม่อาจจะขับไล่ผู้รุกรานออกไปจากผืนแผ่นดินโดยพละกำลังได้แล้ว พวกถอยหลังเข้าคลองเองก็จำต้องมาตั้งต้นดำเนินการปฏิรูปใหม่ แต่เป็นที่เห็นได้ว่า พวกนี้กระทำไปเพื่อที่จะรักษาอำนาจของตนเท่านั้น โดยมุ่งหวังว่าการกระทำของตนจะเป็นการลดเพลาน้ำเสียงเรียกร้องการปฏิวัติ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลแมนจูที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ พวกนี้ไม่ได้ส่อให้เห็นว่าจะสามารถพาประเทศจีนให้ก้าวไปข้างหน้าได้เลย ถ้าจะพิจารณาทั้งในด้านสติปัญญาและน้ำใจของผู้นำ
กระแสคลื่นก่อการปฏิรูปครั้งที่ ๒ ได้เริ่มขึ้นในปี ๑๙๐๑ หลังจากที่มหาอำนาจตะวันตก รวมทั้งญี่ปุ่น ได้ช่วยกันทำลายและเผาผลาญพระราชวังและห้องสมุดของราชวงศ์แมนจู และจีนต้องถูกชดใช้กรรมของการกระทำตามเคยแล้ว พระราชชนนี ฉือซี ก็ได้ชี้มือให้ผู้ที่จงรักภักดีต่อพระนางจัดการพัฒนาประเทศตามแบบตะวันตกต่อไป ระบบการสอบแข่งขันข้าราชการที่ปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานแล้วก็ได้สั่งยกเลิก แผนการส่งนักเรียนไปเรียนต่างประเทศก็ได้เริ่มขึ้น ซึ่งส่วนมากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ขั้นต่อไปก็มีการจัดตั้งโรงเรียนสมัยใหม่ขึ้น อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปแบบเฉื่อยชาเช่นนี้หามีผลสั่นคลอนโครงร่างอันมั่นคงของสังคมจีนได้ไม่ ในทางตรงกันข้าม เป็นการเพิ่มกำลังให้แก่ฝ่ายก่อการปฏิวัติ ซึ่งในขณะนั้นซุนยัดเซ็นได้ผุดขึ้นมาเป็นผู้นำของขบวนการปฏิวัติภายนอกผืนแผ่นดินจีนแล้ว แม้ว่าพระราชสำนักจีนจะได้พยายามส่งผู้คนไปกำจัดซุน แต่เขาก็สามารถปรากฏตัวและดำดินได้ถูกจังหวัดรอดพ้นมาได้ราวกับปาฏิหาริย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น