วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ซุนยัดเซ็นกับขุนศึกทางใต้

ในขณะที่ขุนศึกกำลังช่วงชิงกันครอบครองนครหลวงปักกิ่งนั้น  ผู้นำฝ่ายทหารบางคนทางใต้ปรารถนาให้จีนมีการปกครองตามระบอบสาธารณรัฐดังที่ซุนยัดเซ็นเสนอ   ภายหลังที่หลี่หยวนหูงถูกบีบบังคั้นโดยยุบรัฐสภาในเดือนมิถุนายน  ๑๙๑๗   สมาชิกรัฐสภาเป็นจำนวนมากไดรวมกร    เมืองเซี่ยงไฮ้ภายใต้อำนาจของซุน  สมาชิกเหล่านี้ได้ร่วมกันออกประกาศคำขวัญกล่าวหาการยุบรัฐสภา  เผอิญผู้นำในจังหวัดกวางตุ้งและ กวางสีประกาศตั้งตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลปักกิ่ง   ผู้นำทั้งสองจังหวัดนี้ได้เชิญซุนและสมาชิกรัฐสภา  ๒๕๐  คนไปเป็นองค์ประกอบของ รัฐบาลสาธารณะอันชอบด้วยกฎหมาย  ตั้งอยู่    เมืองกวางตุ้ง  และอำนาจการปกครองตลอดทั่วประเทศในเดือนสิงหาคม  ๑๙๑๗  รัฐสภาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เหลือนั้นได้ให้ความยินยอมเห็นชอบในการจัดตั้งรัฐบาลฉุกเฉินชั่วคราวขึ้นที่เมืองกวางตุ้งโดยมีซุนเป็นหัวหน้า  อย่างไรก็ตาม อำนาจที่แท้จริงยังตกอยู่กับนายทหารประจำท้องถิ่นที่สำคัญ  คือ  ถังจี้เหยาผู้ว่าราชการมณฑลหยุนหนันและกุ้ยโจว   และหลูหยู่งถิงผู้นำแห่งมณฑลกวางตุ้งและกวางสี  ความจริงความหมายของสัมพันธภาพระหว่างซุนและขุนศึกกวางตุ้งมีแค่การต่อต้านรัฐบาลตวนที่กรุงปักกิ่งเท่านั้น  ความแตกแยกภายในจึงได้เกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า  ในเดือนพฤษภาคม  ๑๙๑๘  ขุนศึกได้จัดระเบียบราชการบริหารใหม่โดยลดฐานะความเป็นผู้นำในนามของซุนลงไปอีก  ซุนนึกทอดอาลัยในการพัฒนาการของการเมืองไปในทางเสื่อม  จึงถอนตัวออกไปตั้งแหล่งสะสมสมัครพรรคพวกของตน    เขตนานาชาติในเมืองเซี่ยงไฮ้ตามเดิม 
                การแตกแยกของขุนศึกทางใต้ยังมีผลให้อำนาจการควบคุมตกไปอยู่ภายใต้เงื้อมมือของสาวกของซุนอีกครั้งหนึ่ง  ในเดือนตุลาคม  ๑๙๒๐   กลุ่มผู้นำทางทหารประจำมณฑลกวางสีได้ถอนออกไปมณฑลกวางตุ้ง   และรัฐบาลทหารที่ได้จัดตั้งขึ้นในเมืองกวางตุ้งในเดือนสิงหาคม    ๑๙๑๗  นั้นได้สลายตัว  กองทัพชาวกวางตั้งภายใต้การนำของเฉินชุงหมิงได้เคลื่อนควบคุมกวางตุ้ง  ในวันที่    เมษายน  ๑๙๒๑  สมาชิกรัฐสภาชุดเดิมประมาณ  ๒๐๐ คนได้ร่วมกันประชุม    เมืองกวางตุ้ง  รัฐสภาได้มีมติเลือกซุนเป็นประธานาธิบดีในวันที่  ๑๐  เมษายน และให้เฉินเป็นผู้ว่าราชการมณฑลกวางตั้งและผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่ง
                ความขัดแย้งระหว่างซุนกับเฉินเป็นเหตุให้ซุนต้องหนีไปอยู่เซี่ยงไฮ้ดังเดิมเฉินมีความนิยมไปทางการจัดตั้งระบอบสหพันธรัฐเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา    และไม่สนับสนุนนโยบายเดินทัพขึ้นทางเหนือของซุน  ได้พูดว่าจะให้ความสนับสนุน  และเมื่อซุนนำกองทัพมุ่งสู่ทางเหนือแต่ประสบความล้มเหลว  เฉินถูกตำหนิว่าไม่ให้ความสนับสนุนเพียงพอ  ความจริงซุนมีแผนการที่ขาดกำลังสนับสนุนเช่นเดียวกับนักการเมืองที่มักจะตีค่าแห่งความนิยมของตนสูงเกินไป ซุนหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากขุนศึกอื่น ๆ และได้เชื่อมสัมพันธ์กับจังจว้อหลิน ขุนศึกแห่งแมนจูเรีย  ในขณะเดียวกับที่เฉินเชื่อมความสัมพันธมิตรกับกลุ่มทหารเขตพระนครอู๋เพ่ยฟู    ดังนั้นเมื่อทางเหนือสัมพันธมิตรของฝ่ายซุนเป็นฝ่ายปราชัย   ความหวังของซุนที่จะเอาชนะต่ออู๋เพ่ยฟูก็น้อยลง   ฐานะของเฉินผู้เป็นมิตรของฝ่ายมีชัยก็ย่อมดีขึ้น  และในวันที่    สิงหาคม  ๑๙๒๒   เขาได้ขับไล่ซุนกลับไปอยู่เซี่ยงไฮ้อีกครั้งหนึ่ง 
                ความล้มเหลวหลายครั้งติดต่อกันดังนี้  มีผลในด้านจิตวิทยาเปลี่ยนแปลงทรรศนะคติของซุนไปจากเดิมเป็นอันมาก  เมื่อเริ่มแรกก่อการปฏิวัตินั้น  ซุนตั้งตัวเป็นผู้ค้าอุดมประชาธิปไตยในระบอบสาธารณรัฐ    แต่ระบอบสาธารณรัฐได้กลายเป็นเครื่องมือของการแสวงหาอำนาจ  ซึ่งปรากฏออกมาเป็นการแตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าดัง  เม็ดทรายในถาด   บรรดาหัวหน้าก๊กเหล่านี้บ้างก็แสดงตัวเป็นผู้นิยมระบอบสาธารณรัฐและสนับสนุนซุน แต่การสนับสนุนเช่นนี้จะคงอยู่เฉพาะตราบเท่าระยะเวลาที่ตนต้องการเท่านั้น   ในบั้นปลายชีวิตของซุนจะเห็นว่าเขาพยายามขยายฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งอำนาจของตนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ความพยายามเช่นนี้ได้แสดงออกมาให้ปรากฏในการจัดระบบพรรคก๊กมินตั๋งใหม่    ตามแนวของพรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น