ในระยะเริ่มแรก ชาวต่างประเทศที่มีผลประโยชน์ อยู่ในประเทศจีนต่างก็วางท่าทีเป็นกลางในเหตุการณ์กบฏครั้งนี้ แต่ผู้สังเกตการณ์เชื่อกันว่าชาวต่างชาติส่วนมากเอากำลังใจหนุนหลังพวกกบฏอยู่อย่างไม่เป็นทางการ ความเป็นผู้ถือศาสนาคริสต์ของผู้นำกบฏไถ้ผิง ได้สามารถเรียกร้องความสนับสนุนจากพวกหมอสอนศาสนาได้ เดิมทีบรรดาพ่อค้าต่างหวังกันว่ารัฐบาลกบฏอาจมีน้ำใจเป็นมิตรกับพวกพ่อค้ามากกว่ารัฐบาลแมนจู แต่ต่อมาภายหลัง เมื่อปรากฏโฉมหน้าอันแท้จริงของกบฏไถ้ผิงแล้ว ท่าทีของชาวต่างประเทศก็กลับหันไปสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล
ต่างชาติกังวลอยู่แต่ในเรื่องแก้ไขสนธิสัญญานานกิง ปี ๑๘๔๒ เพื่อให้คนได้รับผลประโยชน์มากขึ้นกว่าสิ่งอื่น แม้ว่าสงครามฝิ่นจะได้ผ่านพ้นไปด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายจีน และสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรมจะได้เป็นเครื่องหมายเป็นที่ประจักษ์ก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งก็ยังวางท่าทีความเป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่อยู่อย่างเดิม พยายามหลีกเลี่ยงการปฏิบัติการตามข้อกำหนดในสนธิสัญญานั้นเสมอมา ท่าทีของฝ่ายจีนเช่นนี้เจ้าหน้าที่ ส่วนภูมิภาคผู้ซึ่งได้ปกครองส่วนท้องถิ่นกึ่งอิสระนั้น ย่อมต้องแบกความรับผิดชอบอยู่บ้าง ในการเจรจา ทำสนธิสัญญานานกิง ปี ๑๘๔๒ นั้น ผู้แทนรัฐบาลปักกิ่งได้ยืนยันอย่างแข็งขันในการที่จะไม่อนุญาตให้ ชาวต่างประเทศตั้งสถานทูตขึ้นในกรุงปักกิ่ง แต่ให้ผู้แทนต่างประเทศทำการติดต่อกับประเทศจีน โดยผ่านข้าหลวงตรวจการของมณฑลกวางตุ้งและกวางสี ซึ่งแม้แต่ข้าหลวงตรวจการเองก็ไม่ยอมถ่อมตัวลงมาเจรจากับผู้แทนต่างประเทศ การปฏิบัติเช่นนี้อาจมุ่งหวังที่จะลบหลู่ชาวต่างประเทศและให้ชาวต่างประเทศหน่ายหนี ไปเองก็ได้ นับว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญของรัฐบาลจีนที่จะเข้าใจปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างถูกต้อง
การปฏิบัติการตามสนธิสัญญามิได้เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะจีนเป็นฝ่ายถูกบังคับให้ปฏิบัติตามอย่างไม่เต็มใจ ชาวต่างประเทศก็ไม่พอใจที่จะได้แต่เฉพาะสิทธิตามสนธิสัญญานั้น นอกจากนั้นความขัดแย้ง ในเรื่องผลประโยชน์มักจะเกิดขึ้นเสมอ การค้าฝิ่นได้ดำเนินต่อไปอย่างขนานใหญ่ คนจีนไปทำงานในคิวบา เปรู อเมริกาใต้ ก็ได้เพิ่มปัญหามากยิ่งขึ้น สิทธิสภาพนอกอาณาเขตในเรื่องการศาลได้ก่อความแค้นเคืองแพร่หลายไปถึงประชาชนทั่วไป
สิทธิสัมปทาน (Concessions) ในเมืองท่าตามสนธิสัญญา ก็ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาก สัมปทานนี้เป็นสถานที่พักอาศัย และเป็นที่ตั้งของสำนักงานและโกดังสินค้าของพ่อค้าชาวต่างชาติ เมื่อดินแดนเหล่านี้ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้แก่ประเทศต่าง ๆ แล้ว ประเทศเหล่านั้นก็ได้จัดสรรที่ดินออกเป็นเขต แล้วให้คนในสัญชาติของตนและในบางกรณีคนในสัญชาติจีนเช่า ในที่สุดชุมชนต่างชาติเช่นว่านี้ก็จัดตั้งองค์การปกครองตนเองขึ้นมาในรูปเทศบาล ในครั้งแรกดินแดนเหล่านี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน ตามกฎข้อบังคับว่าด้วยที่ดิน ปี ๑๘๔๕ ซึ่งได้มีการแก้ไขหลายครั้ง และในที่สุดในปี ๑๘๘๑ เขตสัมปทานเหล่านี้ได้แยกตัวเป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาลจีนอย่างเด็ดขาด เขตสัมปทานเช่นนี้ได้ปกคลุมไปทั่วทุกแห่งในดินแดนเมืองท่าการค้าที่ชาวต่างประเทศทำไว้ตามสัญญาปี ๑๘๔๒ และที่ทำกันภายหลัง
เฉพาะในเขตเซี่ยงไฮ้นั้น ระบบการสัมปทานได้แตกต่างกับเมืองอื่นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่แห่งนี้เองมิได้ให้สัมปทานแก่ชาวต่างชาติ แต่เจ้าของที่ดินเองเป็นผู้ให้ชาวต่างชาติเช่าในช่วงเวลาไม่มีกำหนด ในกาลต่อมากงสุลของชาติต่าง ๆ ได้ใช้สิทธิในทางการศาลภายในเขตที่พักของคนภายใต้สัญชาติของตัว และเนื่องจากประเทศทั้งหลายเช่าอยู่ภายในดินแดนต่อเนื่องกัน ประเทศเหล่านั้นจึงจัดตั้งผู้แทนของตนเองตรวจตราควบคุมกิจการการปกครองร่วมกัน ชุมชนต่างชาติในเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นที่รู้จักกันในนามว่า สถานอาศัยนานาชาติ (International Settlement) ซึ่งมีประเทศฝรั่งเศสประเทศเดียวเท่านั้นที่รักษาความเป็นเอกเทศในสัมปทาน ของตัว จุดประสงค์เบื้องแรกของสถานอาศัยนานาชาตินี้ ก็เพื่อให้ชาวต่างชาติอยู่เท่านั้น แต่ต่อมามีชาวจีนเข้าไปเช่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ในระยะเดียวกับที่เกิดกบฏไถ้ผิงนี้ ชาวต่างชาติต้องการจะแก้ไขสนธิสัญญาในเรื่อง เขตสัมปทาน ขยายเมืองท่าการค้าให้มากขึ้น และต้องการให้มีความสัมพันธ์ในฐานะเท่าเทียมกันโดยไม่ต้องผ่านข้าหลวงตรวจการประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหัวหน้าของผู้แทนชาวต่างชาติที่มีความสัมพันธ์กับจีน ก็เป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิที่ตนต้องการ
ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำประเทศจีนได้ส่งข้อเสนอขอแก้สนธิสัญญาต่อข้าหลวงตรวจการประจำเมืองกวางตุ้ง แยะหมิงเฉิง แต่แยะมิให้คำตอบแต่ประการใด เมื่อจอห์น บาวริง (John Bowring) ดำเนินการติดต่อกับรัฐบาลโดยตรง ปักกิ่งก็ได้มีบัญชาให้ไปติดต่อกับข้าหลวงตรวจการ บาวริงต้องอดรน ทนไปจนกระทั่งภายหลัง “สงครามแอโร” (Arrow War) อันมีสาเหตุมาจากตำรวจชายฝั่งจีนเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกบฏต่อรัฐบาล ในเรือ Arrow ซึ่งเจ้าของเรือเป็นคนจีนแต่จดทะเบียนเรือสัญชาติอังกฤษและใช้ธงอังกฤษ อังกฤษร่วมกับฝรั่งเศสใช้กำลังทหารเข้าบังคับในปี ๑๘๕๗ และได้มาซึ่งสนธิสัญญาเทียนสิน (Treaty of T’ientsin, 1857) สนธิสัญญานี้ได้ขยายขอบเขตแห่งสัญญาไม่เป็นธรรมที่มีอยู่ในสนธิสัญญานานกิง ๑๘๔๒ ข้อกำหนดสิทธิที่ได้มาใหม่ที่สำคัญ กล่าวโดยย่อ คือ
(๑) สิทธิตั้งผู้แทนทางการทูต ณ กรุงปักกิ่ง
(๒) สิทธิของชนต่างด้าวในการเดินทางในประเทศจีนได้โดยเสรี โดยมีหนังสือเดินทาง
(๓) สิทธิในการค้าและตรวจตราตามเขตลำน้ำแยงซี และเมืองท่าชายทะเลอีกหลายเมือง
(๔) สิทธิในการเผยแพร่ศาสนาในแผ่นดินจีนได้โดยเสรี
นอกจากนั้น รัฐบาลปักกิ่งต้องรับชดใช้ค่าปฏิกรรมสงคราม แต่ก่อนที่ร่างสนธิสัญญานี้จะได้ มีการให้สัตยาบัน ยังมีพวกที่ต้องการทดลองกำลังกับมหาอำนาจตะวันตกพวกหนึ่งขึ้นมาบัญชาการไม่ยอมให้สัตยาบันตามร่างสนธิสัญญา จนกระทั่งอังกฤษและฝรั่งเศสได้ส่งทหารเข้าทำลายกรุงปักกิ่งและพระราชวังอย่างยับเยิน รัฐบาลจีนจึงยอมให้สัตยาบันในร่างสนธิสัญญาเทียนสิน และต้องเสียสิทธิอีกหลายประการในปี ๑๘๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น