ฐานะการค้าระหว่างจีนกับอังกฤษได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปี ๑๘๓๓ รัฐสภาอังกฤษได้ตัดสิทธิพิเศษในการผูกขาดการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ รัฐบาลได้เปลี่ยนนโยบายจากการส่งผู้แทนเพื่อทำการเจรจากับรัฐบาลจีนในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทมาเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษโดยตรง ในเดือนธันวาคม ๑๘๓๓ รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้ง ลอร์ด นาเปียร์ (Lord Napier) ไปเป็นผู้ตรวจตราควบคุมประจำเมืองกวางตุ้ง โดยมีหน้าที่พิเศษในการเจรจาทำสัญญาการค้าเป็นทางการกับรัฐบาลจีน ลอร์ด นาเปียร์ ได้เดินทางถึงเมืองกวางตุ้งในเดือนกรกฎาคม ๑๘๓๔ และได้เดินทางไปยังหอการค้าที่เหมืองหวงผู่ โดยปราศจากคำอนุญาตจากข้าหลวงตรวจการของจีนประจำเมืองกวางตุ้ง เมื่อลอร์ด นาเปียร์ ได้พยายามติดต่อกับข้าหลวงตรวจการ จดหมายของเขาก็ไม่ได้รับพิจารณาโดยเหตุที่เขาไม่ได้ปฏิบัติตามแบบฟอร์มของทางการที่มีไว้ เมื่อนาเปียร์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามระเบียบของทางการจีนที่วางไว้ ข้าหลวงตรวจการของจีนจึงประกาศยุบสิทธิการค้าของอังกฤษ นาเปียร์ได้สั่งให้เรือรบอังกฤษ ๒ ลำเคลื่อนเข้าสู่เมืองกวางตุ้งเพื่อเป็นการขู่ขวัญทางการจีน ข้าหลวงตรวจการโต้ตอบการคุกคามของอังกฤษผ่านโคหอง โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลจะใช้กำลังต่อสู้กับการคุกคามของอังกฤษ เว้นแต่นาเปียร์จะได้ถอยไปสู่เมืองหมาเก๊า แต่ถ้า นาเปียร์ปฏิบัติตาม รัฐบาลจะประกาศยกเลิกข้อห้ามการค้าเสีย ประจวบกับนาเปียร์ได้ล้มเจ็บในเดือนกันยายน ๑๘๓๔ เขาจึงได้ถอนเรือรบไปพักรักษาตัวอยู่ที่หมาเก๊า การค้าได้กลับคืนสู่สภาพเดิม นาเปียร์ได้ถึงแก่กรรมด้วยไข้มาเลเรีย เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นบ่อเกิดของความเป็นศัตรูกันระหว่างจีนกับอังกฤษ
หลังจากปี ๑๘๓๕ ควันสงครามระหว่างอังกฤษกับจีนก็ได้ร้อนระอุขึ้นตามลำดับ อังกฤษคาดการณ์ว่าตนมีกำลังพอที่จะท้าทายความเป็นเจ้าโลกของจีนแล้ว ลอร์ดพาลเมอสตัน (Lord Palmerston) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตัดสินใจจะพยายามให้ได้มาซึ่งสัญญาทางการค้ากับจีนในฐานะ เท่าเทียมกัน แม้จะต้องใช้กำลัง ในปี ๑๘๓๘ กองเรือรบของอังกฤษได้ไปรวมอยู่ตอนใต้ของประเทศจีน แต่จีนก็ยังถือว่าตนเป็นประเทศใหญ่ และถ้าอังกฤษต้องการทำการค้ากับจีนก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของจีนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น