วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฐานะทางเศรษฐกิจของจีน

              จีนเป็นประเทศ ที่มีประชากรใหญ่ที่สุด (20% ของประชากรโลก)  เป็นมหาอำนาจทางทหารอันดับ 2 รองจากสหรัฐ  ในปี 2000  ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ของจีนคิดเทียบเป็นดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ อยู่ในอันดับ 7 ของโลก มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 1.68   แสนล้านดอลลาร์ เป็นที่ 2 รองจากญี่ปุ่น  และเป็นประเทศที่ส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก (จาก WWW.ECONOMIST.COM)  อย่างไรก็ตาม GDP จีนคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐจะมีขนาดราว 10% ของ GDP สหรัฐเท่านั้น นักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกมองจึงว่าขนาดเศรษฐกิจของจีนยังเล็ก และคงต้องใช้เวลา  50-100  ปี กว่าที่ GDP รวมของจีนจะขยับเข้ามาใกล้หรือแซงสหรัฐการเทียบ GDP จีนแบบนี้เป็นการมองในแค่มูลค่าสมมุติเท่านั้น ที่ GDP คิดเป็นดอลลาร์สหรัฐของจีนต่ำ เพราะเศรษฐกิจพื้นฐานจีนเป็นสังคมนิยม  รัฐเป็นเจ้าของและผู้ควบคุมปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ราคาสินค้าจำเป็นพื้นฐานซึ่งจีนผลิตได้เองส่วนใหญ่ เช่น อาหาร บ้าน ยา เสื้อผ้า ต่ำมาก  ถ้าเทียบกับประเทศพัฒนา   อุตสาหกรรม  จึงมีผลให้การคำนวณตัวเลข GDP ของจีนต่ำกว่าความเป็นจริง  หากมีการคำนวณ GDP ใหม่ โดยปรับเทียบความสามารถในการซื้อสินค้าได้จริง (Purchasing Power Parity)ของคนในแต่ละประเทศ ซึ่งมีค่าครองชีพต่างกัน จีนจะมี GDP ใหญ่เป็นที่ 2 รองจากสหรัฐ และมีขนาดราว 50% ของ GDP สหรัฐที่คิดตามค่าครองชีพ     (THE WORLD FACT BOOK, CIA (WWW.CIA.GOV) ซึ่งแสดงว่าขนาดเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีนมองในแง่มูลค่าใช้สอยมีขนาดใหญ่กว่าขนาด GDP มองในแง่ของมูลค่าแลกเปลี่ยนมาก
              ยกตัวอย่างให้เห็นภาพแบบง่าย ๆ ก็คือ ถึง GDP ต่อหัว(คิดแบบตามมูลค่าแลกเปลี่ยน)ของจีนต่ำกว่าไทย ค่อนข้างมาก คือ ราว 871 ดอลลาร์สหรัฐ ของไทยอยู่ที่ราว 2160 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สถิติของ UNDP กลับรายงานว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนจีนได้กินอาหารคิดเป็นแคลอรี่ต่อหัวและโปรตีน ต่อหัวสูงกว่าไทย  (UNDP Human Development Report 2000) เข้าใจว่าเพราะ        ค่าอาหารในจีนถูกกว่าไทยมาก แต่สถิตินี้จะแม่นยำแค่ไหนต้องตรวจสอบจากสถิติทางอื่น ๆ อีกครั้ง
              นอกจากจีนจะมี ระบบเศรษฐกิจแบบผสมระหว่างสังคมนิยมกับระบบตลาดที่ต่างจากคนอื่นแล้ว จีนยังเป็นประเทศใหญ่ที่กำลังขยายตัว และเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ทุนจากต่างประเทศเข้าไปในจีนสูงถึงปีละ 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากเป็นอันดับหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมดและเป็นอันดับสองรองจากใน สหรัฐ  (หมายถึงทุนจากประเทศที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐ) แต่ถ้าคิดยอดรวมของการลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในโลก สัดส่วนที่ต่างประเทศเข้าไปลงทุนในจีนยังมีสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับการลง ทุนต่างประเทศทั่วทั้งโลก          ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนข้ามชาติ ในกลุ่ม 3 ยักษ์ใหญ่คือ สหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันตก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น