อิทธิพลของจีนมีอยู่เหนือญี่ปุ่นเป็นเวลา ๒,๐๐๐ ปีเศษ นับตั้งแต่ญี่ปุ่นก่อร่างสร้างตัวเป็นต้นมา ครั้นถึงปลายศตวรรษที่ ๑๙ “ลมตะวันออกก็เริ่มพัดเข้าสู่ผืนแผ่นดินใหญ่” ประเทศจีนก็ตกเป็นเหยื่อของการรุกรานของประเทศญี่ปุ่นอีกประเทศหนึ่ง ครั้งแรกญี่ปุ่นขยายอาณานิคมของตน โดยแยกหมู่เกาะริวกิวและเกาหลีออกจากอิทธิพลของจีน ตั้งแต่ราชวงศ์แมนจูขึ้นมามีอำนาจ ประเทศจีนมิได้มีการติดต่อกับประเทศญี่ปุ่นเป็นทางการมาจนกระทั่งปี ๑๘๗๑ ในปีนั้น หลี่หูงจัง ได้ยอมตกลงทำสนธิสัญญาการค้ากับญี่ปุ่นในฐานะเท่าเทียมกันตามกฎหมาย แต่ก่อนมีการให้สัตยาบันในสนธิสัญญา เหตุการณ์ในริวกิวก็ได้เกิดขึ้น หมู่เกาะริวกิวนั้นทั้งจีนและญี่ปุ่นก็อ้างว่าเป็นดินแดนของตน ความจริงเจ้าครองหมู่เกาะริวกิวเริ่มส่งส่วยให้แก่จักรพรรดิจีน ตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๔ ต่อมาญี่ปุ่นขยายอิทธิพลของตนเข้าไปในดินแดนริวกิวเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนในศตวรรษที่ ๑๗ เจ้าเมืองหรือ ไดเมียว แห่งซัตสุมา ได้รับมอบอำนาจเป็นทางการให้ทำการปกครองดินแดนในหมู่เกาะริวกิวด้วย ภายหลังการทำสนธิสัญญาการค้ากับจีนในปี ๑๘๗๑ ชาวหมู่เกาะริวกิวเกิดเรือแตกใกล้ฝั่งไต้หวัน และชาวเรือ ๕๔ คน ในจำนวน ๖๖ คน ได้ถูกชาวพื้นเมืองเกาะไต้หวันฆ่าตาย เมื่อซาเอนจิมาตาเนโอมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เดินทางไปกรุงปักกิ่งเพื่อทำพิธี ให้สัตยาบันในสนธิสัญญาการค้า เขาได้หยิบยกปัญหานี้ขึ้นเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากรัฐบาลจีน แต่รัฐบาลจีนปฏิเสธความรับผิดชอบในการกระทำของชาวพื้นเมือง ญี่ปุ่นจึงได้ส่งกองทัพเรือเข้ายึดเกาะไต้หวัน ในที่สุดอังกฤษได้เสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ย และผลก็คือจีนยอมรับให้ญี่ปุ่นมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนหมู่เกาะริวกิว ในปี ๑๘๗๙ หมู่เกาะริวกิวได้จัดการบริหารเป็นหน่วยหนึ่งของเขตจังหวัดโอกินาวา เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกของการขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่น และก็นับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการบ่ายโฉมหน้าในทางการเมืองของญี่ปุ่น จะเห็นว่าภายในประเทศญี่ปุ่นยังเต็มไปด้วยควันจากการรุกรานของชาวตะวันตก และยังถูกผูกมัดด้วยสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ตลอดจนสิทธิการเก็บภาษีซึ่งยังถูกจำกัดนั้น ก็สามารถตีตนเสมอชาวตะวันตก เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากประเทศจีนเช่นเดียวกัน
การค้นหาเส้นทางสายใหม่ (กบฏ ปฏิรูป และการปฏิวัติ)
เกียรติคุณของประเทศจีนได้ถูกทำลายลงโดยมหาอำนาจตะวันตกนำโดยอังกฤษ ความไร้สมรรถภาพและความเป็นผู้เกกมะเหรกไม่เป็นระเบียบของเหล่าทหารราชวงศ์แมนจู ได้เบนบ่ายความแค้นเคืองของประชาชน จากการรุกรานของประเทศตะวันตกมาสู่ราชบัลลังก์แมนจู ปี ๑๘๔๐ – ๑๘๕๐ นับว่าเป็นกลียุคในสังคมจีน ประชาชนนอกจากจะได้รับการทอดทิ้งจากรัฐบาลและได้ยินได้ฟังการทุจริตในวงการรัฐบาลแล้ว ยังต้องประสบกับความล้มเหลวในการเพาะปลูก การขูดรีดจากราชาที่ดิน และภาษีแบบรีดนาทาเร้น ฉะนั้นผลก็เป็นที่ประจักษ์ว่าในระหว่าง ๑๐ ปีนี้ ไม่มีปีใดที่ประชาชนทำมาหากินอย่างสงบได้ กบฏและการปล้นสะดมกลายเป็นของธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภูมิภาคทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ กบฏที่สำคัญที่สุดได้แก่กบฏไถ้ผิง (ไต้เผ็ง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น