ระยะเวลาตั้งแต่การตายของหยวนในปี ๑๙๑๖ จนกระทั่งการรวมประเทศจีนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้การนำของจอมพลเจียงไคเช็คในปี ๑๙๒๘ เป็นตอนที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์ว่ายุคขุนศึก (Warlords) อำนาจในการปกครองสังคมจีนในยุคนี้เปลี่ยนมือกันระหว่างกลุ่มขุนศึกต่าง ๆ ในพระนครและในส่วนภูมิภาค พวกนี้บางขณะก็ใช้อำนาจกำลังทหารต่อสู้กัน โดยเปิดเผย และบางขณะก็ใช้ยึดอำนาจของกันและกันโดยมีกำลังทหารหนุนอยู่เบื้องหลัง และต่างก็มุ่งขยายอาณาบริเวณทั้งในด้านพื้นที่และอิทธิพล กลุ่มที่มีกำลังมากก็แย่งชิงกันควบคุมนครหลวงปักกิ่ง ใครยึดได้ปักกิ่งย่อมอยู่ในฐานเป็นผู้รับช่วงในการควบคุมหน่วยราชการบริหารสืบต่อจากรัฐบาลในอดีต และนั่นก็เป็นทุนพื้นฐานเพื่อเรียกร้องความจงรักภักดีจากประชาชนทั่วประเทศ เมื่อได้รับการรับรองจากต่างประเทศแล้ว รัฐบาลปักกิ่งยังอยู่ในฐานะกู้เงินและทำสัญญากับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มพูนกำลังของตนได้อีกด้วย
การตายของหยวนได้นำสถานการณ์ทางการเมืองของจีนหวนกลับไปสู่ระยะการเริ่มต้นของระบบสาธารณรัฐในปี ๑๙๑๓ หลี่หยวนหูงได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสืบต่อจากหยวนเขารื้อฟื้นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี ๑๙๑๒ กลับมาใช้ แล้วเรียกประชุมรัฐสภาซึ่งถูกยุบไปในเดือนธันวาคม ๑๙๑๓ นั้นอีกในวันที่ ๑ สิงหาคม ๑๙๑๑๖ อย่างไรก็ตาม เป็นการเหลือความสามารถของหลี่ที่จะรวบรวมความสามัคคีของกลุ่มต่าง ๆ ที่นิยมระบบสาธารณรัฐ ที่นิยมระบบกษัตริย์และที่เป็นพวกขุนศึกกลับคืนมาได้ ในทางการเมือง ประเทศจีนยังคงอ่อนแอและแตกแยกระส่ำระสาย อำนาจที่แท้จริงอยู่ในกำมือของขุนศึกในส่วนภูมิภาค พวกนี้จะรับคำสั่งของรัฐบาลกลางก็แต่คำสั่งที่ตนเห็นชอบด้วยเท่านั้น
การขัดแย้งกันระหว่างรัฐสภาและนายกรัฐมนตรีตวนฉียุ่ยยังความอ่อนแอให้แก่รัฐบาลปักกิ่งยิ่งขึ้น ตวนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเหตุที่มีอิทธิพลในกลุ่มทหารเป่ยหยาง (ทหารที่ได้รับการฝึกตามแผนตะวันตก) เขาต้องการใช้หลี่เป็นเครื่องมือให้เขากุมอำนาจทั้งหมดอยู่ในกำมือแต่ผู้เดียว เขานิยมเดินตามแนวทางของหยวน แสวงหาสิ่งค้ำจุนอำนาจของตน โดยการเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินจากญี่ปุ่น โดยปราศจากการยินยอมเห็นชอบจากรัฐสภาล่วงหน้า ครั้นทำสัญญาเสร็จแล้ว จึงมาขอความยินยอมเห็นชอบ รัฐสภาจึงไม่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ของเขา ปรากฏว่ามีการขู่จะฟ้องร้องตวนโดยรัฐสภาอยู่เสมอ ตวนตอบโต้ ด้วยการเลื่อนประชุมไปในที่สุด ในเดือนธันวาคม ๑๙๑๖ ฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนจากส่วนภูมิภาคเสนอตัว เข้าเป็นผู้ไกล่เกลี่ย โดยบีบคั้นรัฐบาลปักกิ่งทางโทรเลข ในโทรเลขนั้นแนะนำให้หลี่จงให้ความไว้วางใจในการบริหารราชการของตวน ในขณะเดียวกันก็เตือนรัฐสภาว่าให้รัฐสภาผ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญที่พิจารณาก่อนสภาถูกปิดปี ๑๙๑๓ นั้นโดยเร็ว และอย่าขัดขวางการบริหารซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
สงครามโลกครั้งที่ ๑ มีส่วนช่วยให้รัฐสภาถูกยุบไปอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการเปิดทางให้ขุนศึกก้าวขึ้นไปบงการรัฐบาลอย่างเปิดเผย แม้ว่าประธานาธิบดีและรัฐสภาจะสนับสนุนการรักษาความเป็นกลาง แต่นายกรัฐมนตรีตวนกระหายที่จะเข้าร่วมสงครามเป็นภาคีกับฝ่ายสัมพันธมิตร และเมื่อสหรัฐฯ ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเยอรมันในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๑๙๑๗ อุปทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง ปลอ เรนช์ (Paul Reinsch) ชักชวนให้ตวนเดินตามสหรัฐฯ สำหรับญี่ปุ่นนั้นงดเว้นการคัดค้านจีนเข้าร่วมสงครามแล้ว เพราะว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส และรุสเซียได้ยินยอมตกลงกับญี่ปุ่นเป็นการลับ ให้ญี่ปุ่นเป็นผู้เข้ารับช่วงสิทธิในทางเศรษฐกิจของเยอรมันในมณฑลซันตุง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการให้ ในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ตวนได้ยื่นสาส์นประท้วงรัฐบาลเยอรมันเกี่ยวกับการปฏิบัติสงครามเรือใต้น้ำโดยไม่มีขอบเขตจำกัด และในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ตวนสามารถหาเหตุผลต่อต้านเยอรมันได้ดียิ่งขึ้น ในเมื่อเรือใต้น้ำเยอมันยิงเรือฝรั่งเศส “Athos” ในน่านน้ำทะเล เมดิเตอร์เรเนียน อันเป็นเหตุให้ผู้โดยสารชาวจีนตาย ๕๔๓ คน ในวันที่ ๑๑ ตวนตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเยอรมัน โดยได้รับความยินยอมเห็นชอบจากรัฐสภา (ส่วนเรื่องประกาศสงครามนั้นไม่ได้กระทำจนกระทั่งวันที่ ๑๔ สิงหาคม) วันที่ ๘ พฤษภาคม ตวนขออำนาจรัฐสภาให้อนุมัติร่างกฎหมายยามสงคราม (War Bill) แม้ว่าเขาจะใช้วิธีการขู่ให้สินบนและยุยงให้เดินขบวน แต่รัฐสภาเรียกร้อว่าจะยอมก็ต่อเมื่อหลี่ปลดตวนออกจากนายกรัฐมนตรี ตวนปฏิเสธที่จะลาออกจากตำแหน่งแต่กลับเรียกความสนับสนุนจากฝ่ายทหารโดยการ เรียกประชุมขุนศึกประจำถิ่นต่าง ๆ ที่กรุงปักกิ่ง ในวันที่ ๒๕ เมษายน เมื่อฝ่ายขุนศึกประจำถิ่นเรียกร้องให้หลี่ยุบรัฐสภา และแนะนำว่ามีวิธีเดียวคือให้ตวนลาออกจากนายก ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม หลี่ปลดตวนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นทางการ แร่ยังผลให้รัฐสภาถูกทำลาย ตวนไม่ฟังคำสั่งปลดของหลี่ นายทหาร ที่สนับสนุนตวนประกาศตั้งตัวเป็นเอกราชจากสาธารณรัฐ และตั้งรัฐบาลทหารชั่วคราวขึ้นที่กรุงเทียนสิน อย่างไรก็ตามพวกนี้ประกาศว่า เขายอมร่วมมือกับรัฐบาลสาธารณรัฐถ้าหากว่ารัฐสภาจะถูกยุบ หลี่ได้เชื้อเชิญขุนศึกจังซุนผู้ซึ่งคิดว่าเป็นที่จะพอไว้ใจได้ ไปยังกรุงปักกิ่ง เพื่อไกล่เกลี่ยระหว่างตวนกับรัฐสภา แต่จังซุนแนะให้ หลี่ยุบรัฐสภา หลี่ยอมทำตารมความกดดันเช่นนั้น ต่อมาไม่นานจังซุนนำทหารจำนวนมากจากซูโจวผ่าน เทียนสินเข้ายึดปักกิ่งในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๑๙๑๗ กล่าวกันว่า การกระทำเช่นนั้นได้รับความยินยอมเห็นชอบจากตวน จังซุนประกาศฟื้นฟูราชวงศ์แมนจูโดยยกอดีตจักรพรรดิซวนถุ่งขึ้นครองราชย์สมบัติ คังอิ่วหวุย เห็นเป็นโอกาสของตนที่จะแสดงบ้างจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ดูจะสายเกินไป ตวนผู้ซึ่งเมื่อหนึ่งเดือน ที่แล้วมายังมีท่าทีเป็นมิตรที่ดีของจังนั้น กลับถือธงของสาธารณรัฐรวบรวมทหารที่จงรักภักดีได้เป็นจำนวนมากล้อมกรุงปักกิ่ง และสามารถอัญเชิญจักรพรรดิออกไปจากราชบัลลังก์ได้ในระยะเวลาอันสั้น (๑๒ กรกฎาคม) จังได้หนีไปพักพิงอยู่ในสถานทูตฮอลันดา ส่วนคังหนีไปอยู่ในสถานทูตญี่ปุ่นปัญหาแก้ไขกันด้วยการลาออกของประธานาธิบดีหลี่หยวนหูง และแต่งตั้งเฝิงกว๋อจังเข้าดำรงตำแหน่งแทน
สงครามโลกครั้งที่ ๑ ยังผลให้ก๊กอันฝูซึ่งนำโดยตวนต้องสูญเสียอำนาจจากเวทีการเมือง นายกรัฐมนตรีตวนและประธานาธิบดีเฝิงนั้นถือว่าเป็นคู่แข่งในตำแหน่ง “รัชทายาท” ของหยวน เฝิงเป็นผู้นำ ในกลุ่มทหารเขตจังหวัดพระนคร บริเวณเหอเป่ย เกียงซู เกียงซี หูเป่ย และหูหนัน ตวนเป็นผู้นำทหารในเขตจังหวัดอันฮุยและฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) ในทางเหนือได้เกิดคู่แข่งขึ้นอีกกลุ่มหนึ่งนำโดยจังจว้อหลิน จังสร้างตัว จากการเป็นขุนโจรในดินแดนเกาเหลียงแห่งแมนจูเรียและมีฐานะดีขึ้น เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่น ในครั้งสงครามรุสเซีย – ญี่ปุ่น (๑๙๐๔ – ๑๙๐๕) ในปี ๑๙๑๑ เขาได้เป็นผู้บังคับการทหารแห่งมณฑลทหาร เฝิงเถียนภายหลังการตายของหยวน มีอิทธิพลเหนือกลุ่มอื่นตลอดระยะเวลาระหว่างสงคราม แต่สนธิสัญญา แวร์ซายส์ทำให้การเมืองผันแปรครั้งใหญ่ การตื่นตัวของเยาวชนเร้าโดยนักเรียนและนักศึกษาเริ่มด้วยการเดินขบวนครั้งมโหฬารในกรุงปักกิ่งในวันที่ ๔ พฤษภาคม ทำให้เฝิงและจังเห็นอนาคตของตนแจ่มใสยิ่งขึ้น (เรื่องขบวนการ ๔ พฤษภาคม) ในกลางปี ๑๙๒๐ อู๋เฟ่ยฟูผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าคุณ และเป็นพวกเดียวกับเฝิงได้เคลื่อนพลเข้าขับไล่ตวนกับทหารผู้สวามิภักดิ์ต่อเขาออกจาเขตพระนคร จังจว้อหลินฉวยโอกาสที่คู่แข่งทั้ง ๒ กำลังบอบช้ำจากการรบ เคลื่อนทหารเข้าควบคุมพระนครเสียเอง กล่าวกันว่า สหรัฐอเมริกาและอังกฤษมีส่วนหนุนหลังเฝิงเนื่องด้วยความไม่พอใจที่ตวนมีสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นยังคงมีฐานะได้เปรียบต่อไปได้ด้วยการสนับสนุนจัง เนื่องด้วยจังถ้าหากไม่เป็นหุ่นก็เป็นผู้นิยมญี่ปุ่นมากกว่านิยมอเมริกาและอังกฤษ อู๋เฟ่ยฟู หนีไปตั้งหลักแหล่งได้ที่แถบลุ่มแม่น้ำแยงซี ในปี ๑๙๒๒ อู๋เฟ่ยฟูก็ประสบความสำเร็จในการแก้แค้นจังจว้อหลิน โดยขับไล่จังกลับไปตั้งถิ่นในแมนจูเรียด้วยความช่วยเหลือของเฝิงยู่เสียงแห่งมณฑสั่นซี หลี่หยวนหูงได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง (มิถุนายน ๑๙๒๒ – มิถุนายน ๑๙๒๓) แทนสวีซื่อซัง ซึ่งได้รับเลือกตั้งโดย“รัฐสภาอันฝู” (Anfu Parliament) เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๑๙๑๘ หลี่เรียกประชุมสมาชิกรัฐสภาชุดที่ถูกยุบไปด้วยการถูกบังคับของจังซุนเมื่อปี ๑๙๑๗ แต่การเมืองในระหว่างนี้พูดกันด้วยปากกระบอกปืนและอำนาจเงินตรา เจ้าคุนเข้าสวมตำแหน่งประธานาธิบดีแทนหลี่ เมื่อเดือนมิถุนายน ๑๙๒๓ โดยวิธีการทำนองเดียวกับหยวนซื่อไข่ ในปี ๑๙๒๔ เฝิงอู่เสียงหักหลังอู๋เพ่ยฟูด้วยการยึดปักกิ่งเอาเป็นของตัวเอง นอกจากนั้น เขายังขับไล่อดีตพระมหาจักรพรรดิออกจากพระมหาราชวังและสมาชิกรัฐสภาออกจากปักกิ่งด้วย เฝิงตกลงกับจังจว้อหลินยกเอาตวนเข้าไปเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารชั่วคราว แต่อยู่ได้ไม่นาน เฝิงกับจังสบตามกันไม่สนิท เฝิงถอนตัวไปฝึกทหารประชาชน (กว๋อหมินจุน) อยู่ชายแดนโซเวียต ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ด้วยความช่วยเหลือของรุสเซีย ในขณะเดียวกัน จังก็ได้รับการอิ่มเอิบจากการสนับสนุนของญี่ปุ่น ให้เป็นขุนศึกปกครองอยู่ถิ่นแมนจูเรีย ในปี ๑๙๒๕ – ๑๙๒๖ ได้เกิดศึกใหญ่ระหว่างกำลังผสมของจังจว้อหลินกับอู๋เพ่ยฟู ฝ่ายหนึ่ง กับเฝิงยู่เสียงอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ละฝ่ายก็มีมหาอำนาจจักรวรรดินิยมหนุนหลังอยู่ คือ นักธุรกิจอังกฤษ ให้การสนับสนุนอู๋เพ่ยฟู ญี่ปุ่นให้ความสนับสนุนจังจว้อหลินและรุสเซียให้การสนับสนุนเฝิงยู่เสียง ผลของการสงครามปรากฏว่าเฝิงต้องลี้ภัยไปอยู่มอสโก ตวนหนีเข้าเขตต่างด้าวในเทียนสิน เจ้าคุนผู้ซึ่งกำลังถูกจำคุกอยู่ในข้อหาคอร์รัปชั่น ได้รับการปลดปล่อยและถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีจังและอู๋ตั้ง “รัฐบาลสำเร็จราชการ” (Regency Cabinet) เพื่อขอเวลาสะสมกำลังทหารให้พอเพียงกับการขับไล่อีกฝ่ายหนึ่งออกไป จากปักกิ่ง ในที่สุดจังสามารถจัดตั้งรัฐบาลเผด็จการได้ในกรุงปักกิ่ง และอยู่จนกระทั่งถูกขับไล่ออกไปโดย เจียงไคเช็คผู้นำฝ่ายใต้ในปี ๑๙๒๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น